สวัสดีปีใ หม่ เนื่องด้วยยังไม่อยากคิดมากกับเรื่องราวใดๆ จึงเอาความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับซูซาน ซอนทักมาฝากกันครับ
ไดอารีสุดส่วนตัวของนักเคลื่อนไหวและนักเขียนนามซูซาน ซอนทัก กำลังจะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะโดยลูกชายคนเดียวของเธอเอง
“ฉันตั้งใจจะทำทุกอย่าง...ฉันจะมุ่งหาความพึงใจและเสาะแสวงหามันในทุกๆที่!...ทุกสิ่งมีความหมาย!” ซูซาน ซอนทักเขียนขึ้นในเวลาที่เธอยังอายุสิบหกในปี 1946 การเป็นหนึ่งในนักเขียน นักคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวอเมริกันชั้นแนวหน้าตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมานั้นทำให้เธอมีชีวิตที่รุ่มรวยและสร้างสรรค์ ความเห็นของเธอจะจุดไฟโทสะและความประทับใจแก่เหล่านักวิจารณ์ได้เท่าๆกันเลยทีเดียว
ถึงเวลานี้เธอก็เสียชีวิตมาได้สี่ปีแล้ว ไดอารีส่วนตัวของเธอกำลังจะถูกตีพิมพ์ ซึ่งจะเปิดเผยเบื้องลึกชีวิตของเธอในช่วงต้นของชีวิต และเรื่องที่ถูกพูดถึงมาก-เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศของเธอ
ไดอารีจะออกวางขายในสามงวด เริ่มในเดือนมกราคมปีหน้า (2009) ด้วยรีบอร์น: เออลี ไดอารี, 1947-1964 พิมพ์โดยสำนักเพนกวิน โดยข้อบันทึกเหล่านี้ถูกรวบรวมโดยลูกชายคนเดียวของซอนทัก ซึ่งเป็นนักเขียนและนักวิชาการนามเดวิด รีฟ และไดอารีจะเปิดเผยมุมของเธอที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าซูซาน ซอนทักเป็นไบโอเซกชวล – ชัดเจนที่สุดจากความสัมพันธ์ของเธอกับช่างภาพแอนนี่ ลีโบวิทซ์ – แต่เธอก็ไม่เคยพูดตรงๆถึงความเป็นไบโอเซกชวลของเธอในสาธารณะเลย
ไดอารีที่กำลังจะถูกเปิดเผยนี้เริ่มในสมัยที่เธออายุเพียงสิบสี่ มันบอกเรื่องราวการเริ่มมีเพศสัมพันธ์ของเธอกับคนเพศเดียวกันในสองปีถัดมา ในเนื้อความนั้น ซอนทักเขียนเอาไว้ว่า “ฉันยังเยาว์มาก และเริ่มจะรู้สึกได้ถึงการเติบโตขึ้นของความรู้สึกอันน่าหวาดหวั่นในตัวฉัน...เวลานี้ฉันรู้สึกว่าตนเองมีแนวโน้มเป็นเลสเบี้ยน (ยากทีเดียวกว่าฉันจะเขียนออกมาได้)”
พออายุสิบหก เธอเขียนถึงรายละเอียดของการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงครั้งแรกที่เธอเรียกเพียงแค่ “เอช” เพื่อรักษาความลับ “ฉันอาจจะเมานะ เพราะมันช่างงดงามเมื่อเอชเริ่มร่วมรักกับฉัน...มันล่วงเลยมาถึงตีสี่กว่าเราจะนอน...ฉันเริ่มจะรู้สึกได้อย่างเต็มที่ว่าฉันปรารถนาหล่อน และหล่อนก็รับรู้เช่นเดียวกัน...”
รีฟพูดถึงความยากในการจะตีพิมพ์วัตถุดิบที่แสนตรงไปตรงมาและเป็นส่วนตัวมากชิ้นนี้ที่บ้านในนิวยอร์คของเขา “มันเป็นการตัดสินใจที่ยากสำหรับผมและเหตุผลจริงๆก็คือผมไม่มีทางเลือกที่มากนัก เพราะแม่ผมขายงานไปให้มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแล้ว ดังนั้นอย่างไรมันก็จะถูกตีพิมพ์ในท้ายที่สุดอยู่ดี ผมจึงเลือกพิจารณาต้นร่างด้วยตนเองจะดีกว่า...ผมพยายามอย่างมากที่จะคิดอย่างถี่ถ้วนว่าจะตัดหรือไม่ตัดอะไรที่ผมจะรู้สึกไม่สบายใจ หรือสิ่งที่แม่ผมไม่ต้องการเปิดเผยให้โลกรู้น่ะครับ”
ไดอารีแสดงให้เห็นถึงความหลงไหลของซอนทักในวรรณกรรมและการทำรายชื่อ ในสองสามบันทึกแรกของไดอารีแสดงให้เห็นถึงควาหมกมุ่นที่ซอนทักมีต่ออองเดร ชีดและไรเนอร์ ริลเค “แม่เป็นอัจฉริยะที่แสวงหาความเป็นอัจริยะอยู่เสมอ สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นอัจฉริยะอย่างเช่นผม มันใช้เวลานานกว่าที่จะอ่านหนังสือเท่าจำนวนที่แม่อ่าน” รีฟกล่าว “ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจในงานชิ้นนี้คือมันเป็นเรื่องของคนๆหนึ่งสร้างตนเองขึ้นมา นั่นเป็นเหตุผลที่ผมรวมรายชื่อที่แม่ทำเอาไว้มาก...ที่จริงมีมากกว่านี้อีก...”
รีฟยังพูดถึงความเหมือนของบุคคลิกแม่ตนเองในวัยเยาว์กับแม่ที่เขารู้จักต่อมาด้วย “ผมไม่คิดว่าแม่เปลี่ยนไปขนาดนั้น – นั่นคือสิ่งที่ผมคิดตลอดเมื่อได้อ่านไดอารีของแม่ ความช่างสงสัยและความกระหายความรู้มีอยู่ในตัวแม่อยู่แล้ว ผมไม่คิดว่ามันมีอะไรแตกต่างกับสมัยแม่ยังอายุสิบห้า ที่ผมรู้สึกว่าเหมือนเดิมเลย”
ซอนทักตายในนิวยอร์คเมื่อ 28 ธันวาคม 2004 ขณะอายุได้ 71 จากโรคมะเร็ง ร่างของเธอถูกฝังอยู่ที่สุสานมงท์ปานาสที่ปารีส
หนังสือพิมพ์ ดิ อินดีเพนเดนท์ 16 พฤศจิกายน 2008
1 comment:
ขอบคุณมากนะครับ สำหรับบทความ
Post a Comment