Sunday, March 28, 2010

คัลเชอรัล พิลกริเมจ


สุดสัปดาห์นี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการแสวงบุญทางวัฒนธรรมก็ว่าได้ ช่วงหลังๆมานี้ผมไม่ค่อยบอกปัดโอกาสการลิ้มลองประสบการณ์ทางวัฒนธรรมใหม่ๆ (ที่จริงแล้วการอยู่เมืองเล็กอย่างแคนเบอร์ราก็ใช่ว่าจะมีตัวเลือกอะไรมากนัก)

วันเสาร์ที่ผ่านมาไปดูการขับร้องประสานเสียงในโบสถ์ ซึ่งเป็นการนำเอาผลงานของนักประพันธ์ชาวอังกฤษในช่วงคริสตศตวรรษที่ 16-17 อย่าง Thomas Tallis (1505-1585) William Byrd(1543-1623) และ Orlando Gibbons (1583-1625) มาขับร้อง

จริงๆแล้วในเชิงบริบท ดนตรีในโบสถ์อังกฤษยุคนี้น่าสนใจทีเดียว ผมเองค่อนข้างใหม่จึงไม่อยากเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เอาเป็นว่าใครมีอะไรแลกเปลี่ยนก็เชิญได้นะครับ

วันอาทิตย์ (วันนี้) เมื่อครู่นี่เองไปดูภาพยนตร์ของคุโรซาว่ามา คือ Judo Saga (1943) ซึ่งสะท้อนแนวการทำหนังของครูผู้นี้ได้มากทีเดียว

เป็นงานชิ้นที่ทำให้ร้องอ๋อ ว่าอิทธิพลของคุโรซาว่าต่อหนังทั่วโลกนั่นมีมากอย่างไร (ฉากการดวลสุดท้ายนี่ต้องบอกว่าอมตะจริงๆครับ)

นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะลิ้มลองหนังของคุโรซาว่าเรื่องอื่นๆ ด้วย จริงๆอยากรู้ว่านักศึกษาภาพยนตร์ไทยพูดถึงคุโรซาว่า ว่าอย่างไรด้วย (อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือชินโต)

การแสวงบุญอาจไม่ต้องออกไปข้างนอกเพียงอย่างเดียว แต่การกลับเข้าไปข้างในจิตใจ เราก็จะพบว่ามีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกมาก

Saturday, March 20, 2010

สัมภาษณ์ปีเตอร์ แครี่


พอดีช่วงนี้อ่านหนังสือของปีเตอร์ แครี่อยู่ พอดีเห็นบทสัมภาษณ์ลงในหนังสือพิมพ์ดิ เอจ ก็เลยแปลมาแบ่งกันอ่าน เชิญครับ

--------------------
Q&A กับปีเตอร์ แครี่
โรซานนา กรีนสตรีท

ปีเตอร์ แครี่เกิดปีค.ศ.1943 ในรัฐวิคตอเรีย ออสเตรเลีย โดยพ่อแม่ของเขาเป็นตัวแทนขายรถยนต์ เริ่มแรกเขาทำงานในบริษัทโฆษณาและเขียนนิยายในเวลาว่าง เขาถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธนิยายสี่เรื่องแรกทั้งหมด จนกระทั่งรวมเรื่องสั้นของเขา The Fat Man in History ได้รับการตีพิมพ์ในปีค.ศ.1974 และทำให้เขาประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน

เขาเขียนต่อไปจนกระทั่งได้รับรางวัล Man Booker Prize ถึงสองครั้งจาก Oscar and Lucinda (1988) และ True History of the Kelly Gang (2000) หนังสือเล่มใหม่ของเขาเพิ่งออกชื่อ Parrot and Olivier in America ออกมาปีที่แล้ว ขณะนี้เขาแต่งงานเป็นครั้งที่สาม มีลูกชายสองคนและพำนักอยู่ที่นิวยอร์ค

คุณมีความสุขที่สุดเมื่อไหร่?
ขณะนี้

กลัวอะไรที่สุด?
กลัวจะต้องขับรถข้ามสะพานซีเวอร์น

คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน คุณชื่นชมใครมากที่สุด เพราะอะไร?
พี่สาวของผม เพราะขนมเมอร์แรงของเธอ

ช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดของคุณคือ?
การได้รับการยกย่องอย่างสูงจากนักวิจารณ์ชาวนิวยอร์คดาฟเน เมอร์กิน หากแต่เธอกลับคิดว่าผมคือเอียน แมคอีวาน

นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ อะไรคือของราคาแพงที่สุดที่คุณเคยซื้อ?
เก้าอี้นวมตัวสวย Jorgen Kastholm Grasshopper เป็นสแตนเลส สตีล หนังฟอกสีดำ

ของมีค่าที่สุดที่คุณมี
ภาพวาดสีน้ำมันโดยเพื่อนของผมเจมส์ ดูลิน ซึ่งเสียชีวิตในปี 2002 เขาสอนผมมากพอๆกับที่งานเขียนของนักเขียนคนอื่นๆสอนผม จากบนผนังนั้น เขาก็ยังสอนผมอยู่จนทุกวันนี้

พลังสุดยอดของคุณคืออะไร?
น่าจะเป็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศ

อยากให้ใครเล่นเป็นคุณ หากจะมีการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับตัวคุณ?
เลียม นีสัน

นิสัยไม่ดีที่สุดของคุณคือ?
มีคำตอบให้กับทุกสิ่ง

คำโปรดของคุณ?
Silky

การให้หรือการรับดีกว่ากัน?
ผมว่าน่าจะอย่างหลัง

ความสุขที่คุณรู้สึกผิดคืออะไร?
Poire William เย็นๆ

คุณติดหนี้อะไรพ่อแม่คุณ?
อารมณ์ขัน พลัง ความมุ่งมั่น ไม่กลัวเกรงอะไร

ใครหรืออะไรที่คุณรักที่สุด?
เธอคงทราบ

ความรู้สึกของความรักเป็นอย่างไร?
ทะเลที่เค็ม

งานอะไรที่เลวร้ายที่สุดที่เคยทำ?
ตรวจการสะกดคำของตัวเอง

หากคุณสามารถเปลี่ยนอดีตได้ คุณจะเปลี่ยนอะไร?
ผมจะเอาคอมม่าออกให้หมด

คุณพักผ่อนอย่างไร?
Lorazepam

คุณมีเซ็กซ์บ่อยครั้งแค่ไหน?
ทุกๆ 100 กว่าหน้า

อะไรคือสิ่งที่คุณทำแล้วเห็นว่าประสบความสำเร็จที่สุด?
การสร้าง มาคาโด เฟอร์นานเดซ ผู้ประพันธ์ One Man เขายังปรากฏใน Theft: A Love Story ผมหวังว่าเขาจะไม่ตื่นเต้นหากนักวิจารณ์จะขอดูงานของเขา

อะไรทำให้คุณนอนไม่หลับ?
ลูกๆที่กำลังโตของผม

คุณอยากให้มีเพลงอะไรเล่นในงานศพของคุณ?
ให้บอบ ดีแลนมา เขาจะเล่นเพลงอะไรก็ได้

คุณอยากถูกจดจำอย่างไร?
อย่างคนที่ผิดพลาดน้อยมากในชีวิต

อะไรเป็นบทเรียนสำคัญที่สุดที่ชีวิตสอนคุณ?
ว่าชีวิตเป็นครูที่น่ากลัว

คุณอยากอยู่ที่ไหนมากที่สุดเวลานี้?
ที่ๆอยู่นี่ละ แต่อยากมีผมมากกว่านี้

เล่าเรื่องตลกให้ฟังหน่อย
รัฐสองรัฐของออสเตรเลียได้พิจารณาเรื่องการกำจัดกฎหมายลิขสิทธิ์เขตแดนระหว่างรัฐสำหรับนักเขียนออสเตรเลีย

บอกความลับของคุณหน่อย
เราจะต้องตาย




หนังสือพิมพ์ดิ เอจ 13 มีนาคม 2010

Saturday, March 13, 2010

การปฏิวัติเพศสภาวะ!


มีเหตุการณ์น่าสนใจเกิดขึ้นในรัฐนิว เซาท์ เวล์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นปรากฏการณ์ของโลกสมัยใหม่ที่น่าสนใจ บทความนี้ลงในหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ ผมแปลอย่างคร่าวๆมาให้อ่านครับ





ไร้เพศในเขตเมือง: การปฏิวัติเพศสภาวะ
โจเอล กิบสัน

เทศกาลมาร์ดี กราปีนี้ นอร์รีได้รับของขวัญที่ชาวไร้เพศ (ขออภัย ภาษาอังกฤษคือ androgynous แต่ผมไม่สามารถหาคำแปลที่ดีกว่านี้ได้ภายในเวลาอันจำกัด ผู้ที่ศึกษาเรื่องเพศสภาวะกรุณาแนะนำ) ในรัฐนิว เซาท์ เวลส์ไม่เคยได้มาก่อน

คืนก่อนที่จะมีการเดินขบวนพาเหรด บุรุษไปรษณีย์นำใบรับรองจากแผนกสำมะโนครัวมาให้เธอ และเพศที่ปรากฏอยู่ในใบนั้นไม่ใช่ทั้ง M และ F

หากแต่มันเขียนว่า "เพศไม่ได้ระบุ" ซึี่งทำให้ชาวซิดนีย์อายุ 48 ปีผู้นี้เป็นผู้ไร้เพศคนแรกที่ได้รับการรับรองจากรัฐนิว เซาท์ เวลส์

เพราะนอร์รีเกิดในสกอตแลนด์ (และใช้นามสกุล เมย์-เวลบี้) ใบที่ไ้ด้รับจึงไม่ใช้ใบเกิด แต่เป็น "ใบรับรองรายละเอียดของบุคคล" (Recognised Details Certificate) ที่จะให้กับผู้ย้ายถิ่นที่ต้องการแจ้งเปลี่ยนเพศ

กฎหมายยังไม่ได้รับรองผู้ที่ไม่ต้องการถูกบันทึกเพศ แต่สามารถรับรองคำขอจากนอร์รี ผู้ที่มีใบรับรองแพทย์จากหมอสองคนว่าเธอมีความไร้เพศทั้งทางจิตและทางกายภาพ

จากนั้นนอร์รีจึงเริ่มไปติดต่อหน่วยงานต่างๆที่มีบันทึกเกี่ยวกับเธอให้เปลี่ยนเพศของเธอ

"ฉันไปธนาคารเมื่อวาน และผู้หญิงคนนั้นก็ทำตาโตเมื่อเห็นใบรับรอง แล้วเธอก็บอกว่า "เป็นทางเลือกที่ดีนะ" นอร์รีบอกเมื่อวานนี้

เซนเตอร์ลิงค์ [หน่วยงานรัฐบาลที่ดูแลเรื่องสวัสดิการของชาวออสเตรเลีย] เกิดสับสน และต้องเรียกโปรแกรมเมอร์มาช่วย แต่ก็ยินดีจะช่วยเหลือ

นอร์รีจดทะเบียนเป็นเพศชายเมื่อแรกเกิด และเริ่มใช้ฮอร์โมนเมื่ออายุ 23 จากนั้นก็ผ่าตัดแปลงเพศเป็นหญิง และก็เริ่มเลิกใช้ฮอร์โมน ใช้ชีวิตอย่างปฏิเสธการมีทั้งสองเพศจากนั้นมา

"รายละเอียดพวกนี้ไม่เห็นจะต้องอยู่ในอัตลักษณ์ของฉัน" ไม่ใช่ทั้งเขาและเธอกล่าว (นอร์รีอยากให้เรียกว่า"เขอ" หรือ "เธา" [Zie])

"ฉันคิดว่ายังมีคนอีกมากที่อยากได้ใบรับรองนี้ และก็ไม่ใช่เพียงผู้คนที่มีลักษณะทางกายภาพพิเศษ ผู้หญิงหลายคนคงอยากได้ เพราะการระบุเพศนำไปสู่การกีดกัน"

โฆษกของสำนักงานอัยการสูงสุดออกมากล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐออกใบรับรองดังกล่าว และแม้แต่เด็กที่คลอดออกมาแล้วมีสองเพศ ก็ต้องถูกระบุเพศให้ได้ไม่กี่สัปดาห์หลังคลอด

เทรซี่ โอคิฟฟี จากกลุ่มเพศที่สามและการให้ความรู้เรื่องเพศสภาวะ เรียกว่ามันเป็นการทำลายการปฏิบัติแบบเดิมที่อันตรายลง สำหรับเด็กที่เกิดมาแล้วพ่อแม่และหมอสับสน จนสุดท้ายก็ต้องผ่าตัด

ชาวคาธอลิก โทนี ฟิลิปปินี จากสถาบันจอห์น ปอลที่สอง ออกมากล่าวว่าใบเกิดควรระบุว่าไม่มีเพศ

เขายังกล่าวต่อว่า มีแนวโน้มการต่อต้านการเลือกเพศใดเพศหนึ่งสำหรับเด็กที่เกิดมามีสองเพศ ซึ่งอาจหมายความว่าเด็กไร้เพศจะเกิดมากขึ้นในอนาคต


ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ 12 มีนาคม 2010