ปรากฏการณ์การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็ได้ลามไปจนถึงพื้นที่สถาบันฯ (ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือไม่) ซึ่งสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เพราะแน่นอนว่าคนไทยยังไม่พร้อมจะถกเถียงกันในเรื่องนี้ และความรุนแรงจะตามมาโดยง่าย โดยเฉพาะเมื่อเราผ่านเรื่องการเกิดความรุนแรงมาแล้วโดยไม่ต้องมีใครรับผิดชอบ เรื่องสถาบัน VS อีกฝ่าย ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่มันกลายไปเป็นเครื่องมือของฝ่ายที่ไม่ได้ครองความชอบธรรม(นักแล้ว) ดังนั้นมันจึงส่งกระทบต่อโครงสร้างทางการเมืองไทยเลยทีเดียว
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากตั้งข้อสังเกตคือ ปรากฏการณ์พันธมิตรฯตลอดสองสามปีที่่ผ่านมานั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย กระบวนการของพันธมิตรฯได้เปลี่ยนวัฒนธรรมทางการเมืองไทยตรงที่ฐานราก และมันจะดำเนินต่อไปไม่หยุด ผมยกตัวอย่างง่ายๆหากพันธมิตรเลิกชุมนุม มีรัฐบาลที่ยอมรับกันพอได้ สมมติต่อไปว่ารัฐบาลใหม่อยู่ครบเทอม คราวนี้ไอ้ความคิดที่ปะทะกันอยู่ในเวลานี้ก็จะไปปะทุึ้ขึ้นใหม่อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
คุณและผมตายแล้วเกิดใหม่อีกหลายครั้งมันก็จะยังดำเินินไปในทำนองนี้