Saturday, October 22, 2011

ความตายของหญิงสาว


ผมอ่านบทละครเกี่ยวกับประเทศชิลีในยุคหลังปิโนเช่ชิ้นนี้ในช่วงต้นปี 2553 จำได้ว่าใช้เวลาอ่านไม่กี่ชั่วโมงก่อนนอน แล้วบทละครชิ้นนี้ก็ติดอยู่ในความทรงจำของผมจากนั้นเป็นต้นมา โดยเฉพาะหลังการสังหารหมู่กลางกรุงเทพฯ

ผมพยายามเสนอแปลบทละครสั้นๆชิ้นนี้ตามสำนักพิมพ์ต่างๆ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าใดนัก ด้วยเหตุผลว่าบทละครขายไม่ได้ในประเทศนี้ (ซึ่งแน่นอน, ก็น่าเห็นใจ) ถ้าสำนักพิมพ์ไหนผ่านมาอ่านโดยบังเอิญแล้วเกิดอยากจะอยากขาดทุนเล่นๆก็ติดต่อผมได้นะครับ

บทละครเรื่องนี้ถูกนำมาแสดงนับครั้งไม่ถ้วนทั่วโลก (ไม่แน่ใจว่าเคยมีในเมืองไทยไหม ถ้าไม่เคยก็ไม่น่าแปลกใจ) และครั้งนี้ก็อีกครังหนึ่ง ที่มหานครลอนดอน - ผมอ่านเจอในหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน (ในคินเดิล!) เขียนโดยผู้เขียนเองด้วย

ผมมีบทละครอยู่เป็น pdf ถ้าต้องการก็เขียนอีเมล์มาบอกผม preedee75@yahoo.com

แก่นเรื่องที่ว่า "เราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ลืมอดีตอันเลวร้าย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้มันหลอกหลอนเรา?" ใช้ได้ทุกที่ครับ

---


วิญญาณของหญิงสาวที่ยังคงหลอกหลอน

แอเรียล ดอร์ฟแมน


ยังน่าเจ็บปวดที่จะบอกว่า บทละครที่ผมเขียนเมื่อ 20 ปีก่อนเกี่ยวกับการทรมานและอดีตอันขมขื่นของประเทศชิลี ยังคงเป็นจริงเมื่อเราดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้

สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่มันก็ไม่ต่างจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งรอคอยการกลับมาของสามีในเวลาที่ตะวันกำลังตกดิน ระบอบเผด็จการที่เคยครอบครองแผ่นดินของเธอเพิ่งจะล่มสลายไป ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผู้หญิงคนนั้นกลัว ด้วยความลับอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่มีเพียงเธอและผู้ชายที่เธอรักเท่านั้นที่รู้ วันและคืนต่อจากนั้นมาเธอจะต้องเผชิญหน้ากับความกลัวนั้น เธอพิพากษาตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยการจับเอาหมอคนหนึ่งที่เธอเชื่อว่าเป็นผู้ทำการทรมานและข่มขืนเธอเมื่อหลายปีก่อน สามีของเธอผู้เป็นนักกฏหมายของคณะกรรมการสอบสวนการตายของผู้ต่อต้านจำนวนนับพันในช่วงระบอบการปกครองที่ผ่านมา เขาต้องปกป้องหมอคนนั้น เพราะหากปราศจากกระบวนการที่เป็นนิติรัฐแล้ว การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของประเทศคงจะเป็นไปได้ยากยิ่ง หากภรรยาของเขาฆ่าหมอคนนั้นเสีย สามีของเธอก็คงจะไม่สามารถช่วยสมานรอยแผลของประเทศนี้ได้

ยี่สิบปีก่อน ตอนที่ความตายของหญิงสาวเปิดตัวในลอนดอนที่รอยัล คอร์ต อัปสแตร์ ประเทศที่ผู้หญิที่ชื่อพอลีน่าคนนั้นกำลังรอความยุติธรรมที่มาถึงแสนยากเย็น คือประเทศชิลีของผม หรืออาร์เจนตินาบ้านเกิดของผม หรือจะเป็นอาฟริกาใต้ หรือจะเป็นฮังการี หรือจะเป็นจีน หรืออีกหลายสังคมที่ถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายด้วยคำถามที่ว่า คุณจะทำอย่างไรกับอดีตอันเลวร้าย คุณจะอยู่ร่วมกับศัตรูของคุณได้อย่างไร คุณจะตัดสินเหล่าคนผู้ซึ่งลุแก่อำนาจหากโดยไม่ทำลายเส้นใยบางๆของความพยายามในการปรองดองที่จำเป็นต่อการก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร

วันนี้ เมื่อละครเรื่องนี้ถูกนำมาแสดงใหมที่เวสต์ เอนด์ในลอนดอน เรื่องราวของมันได้เกิดขึ้นไปทั่วโลก ในอียิปต์ ตูนิเซีย ซีเรีย อิหร่าน ไนจีเรีย ซูดาน หมู่เกาะไอเวอรี อิรัก ไทย ซิบบับเว และเวลานี้ก็ลิเบีย จริงๆแล้วก็เพราะการทรมานผู้คุมขังกลายเป็นเรื่องแพร่หลายมากขึ้นหลังเหตุการณ์ 9/11 ประเทศมหาอำนาจของโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯ ให้ความชอบธรรมหรือสมคบคิดในการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อที่จะทำให้ตนเองรู้สึกปลอดภัย ดังนี้แก่นของเรื่องความตายของหญิงสาวยิ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปัจจุบันมากกว่าเคยเสียอีก

ผมไม่ได้คิดว่าจะสร้างงานระดับโลกหรืออะไรตอนที่เขียนบทละครนี้ขึ้นที่ซานดิอาโก จุดประสงค์ของผมตอนนั้นเรียบง่าย ผมต้องการแค่จะให้ของขวัญกับตัวเองในโอกาสที่ได้กลับบ้านเกิดหลังจากที่ต้องลี้ภัยอยู่ 17 ปี แต่แม้ผู้นำเผด็จการจะลงจากอำนาจไปแล้ว อิทธิพลของเขา คนของเขา เงาของระบอบที่คอรัปชั่นของเขา ได้ธำรงอยู่ทุกแห่งหนในการเมืองของประเทศนี้ เช่นเดียวกับประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน (หรือในแง่นี้ร่วมกับรัสเซีย) เหล่าคนผู้ซึ่งได้ประโยชน์จากอภิสิทธิ์มาหลายสิบปี เห็นได้จากการกดขี่โดยกว้างขวาง จากที่พวกเขาควบคุมเศรษฐกิจ ศาล กองทัพ และขู่ฮึ่มที่จะกลับมาฆ่าล้างศัตรู

สำหรับผมพันธกิจของนักเขียนคือการชี้ให้ประเทศหันมามองดูตัวเองให้ดูว่าหลายปีที่ผ่านมาการโกหกพกลมและความรู้สึกอันน่าสะพรึงนั้นส่งผลต่อประเทศขนาดไหน ความตายของหญิงสาว เสียดแทงเข้าไปในบาดแผลลึกของประเทศชิลี ด้วยการแสดงให้เห็นว่าเพชรฆาตนั้นอยู่ในหมู่พวกเรานี่เอง เดินยิ้มอยู่ทั่วไปบนท้องถนน และขณะเดียวกันก็ตั้งข้อสงสัยผู้นำประชาธิปไตยไปด้วย ตั้งคำถามถึงอุดมคติใดที่พวกเขาบังคับให้ตนเองต้องสละมันไป แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อเหยื่อของระบอบนั้น พอลีน่าถูกข่มขืน ทรมานและถูกหักหลัง เธอถูกสร้างให้มีความรุนแรงที่สุดในเรื่อง และนั่นทำให้คำถามที่เธอจะต้องตอบไม่ได้ง่ายไปกว่าคนอื่นเลย คือคุณจะธำรงวัฏจักรแห่งความชั่วร้ายนี้ต่อไปหรือ คุณจะให้อภัยได้อย่างไรเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้องคือให้คุณลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเสีย แต่ผู้ปกครองคงไม่ปล่อยนักเขียนที่เขียนบทละครท้าทายเช่นนั้นในขณะที่ประเทศยังซวนเซจากความเจ็บปวดอันยาวนาน ชนชั้นนำของชิลีเกลียดสิ่งที่ผมทำ และพวกเขาก่นด่ามัน

แต่สิ่งที่เพื่อนร่วมชาติของผมไม่ต้องการ ได้กลายมาเป็นสิ่งที่โลกยกย่อง ตอนนี้ผมกลับมาที่ลอนดอน ตัวละครของผมก็ได้เดินทางกลับถึงมหานครนี้ด้วย ที่ๆต้อนรับพวกเขาเวลาไร้บ้าน เช่นเดียวกับที่ผมเคยประสบ

ผมตื่นเต้นที่ความตายของหญิงสาวไม่ได้เก่าลงเลยใน 20 ปีที่ผ่านมา มันยังมีพลังทำให้คนอ่านเสียน้ำตา นำพวกเขาไปสู่โศกนาฏกรรมที่หาทางออกไม่ได้ง่ายๆ มันส่งเสียงสนทนากับโลกใบนี้ของเราในปัจจุบันด้วยพลังที่ไม่เคยลดลง ผมตื่นเต้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่ผมบรรจงสำรวจของความทรงจำและความโกลาหล ผลพวงของความรุนแรง และความไม่แน่นอนของความจริงและเรื่องเล่า ทั้งหมดนี้ยังคงเร้าจินตรรมของคนจำนวนมากได้อย่างไม่เสื่อมคลาย แต่แม้ผมจะตื่นเต้นก็ตาม มันกลับทำให้ผมต้องตั้งสติเพื่อตระหนักว่ามนุษยชาติมิได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเลย การทรมานเหล่านั้นก็ยังเห็นได้ทั่วไป เห็นได้จากความยุติธรรมที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง การเซนเซอร์ยังมีอยู่เสมอทั่วไป และความหวังของการปฏิวัติประชาธิปไตยถูกทำให้ริบหรี่ ถูกบิดเบือน และถูกทำให้ผิดรูปผิดร่าง

ผมอดไม่ได้ที่จะถามว่า อีก 20 ปีต่อจากนี้ผมจะต้องเขียนข้อความเหล่านี้ใหม่อีกครั้งหรือไม่ เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรออกไปจากวันวานเลย

หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน 15 ตุลาคม 2011