Tuesday, December 16, 2008

ข้อเรียกร้องไปแบบน้ำขุ่นๆ

การเรียกร้องให้ฝ่ายแดงหยุดเคลื่อนไหวเพื่อเห็นแก่ความสงบของชาติบ้านเมืองก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเรียกร้องให้รับรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร ข้ออ้างที่ว่าให้ยอมรับการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ กล่าวด้วยภาษาชาวบ้านคือ ยอมรับมันไปเถอะ เรื่องราววุ่นวายมันจะได้จบ และอาจจะตามมาด้วยข้ออ้าง (ที่มีน้ำหนักอย่างยิ่ง) ว่าเศรษฐกิจกำลังดิ่งลงเหวแล้ว การเมืองจะเป็นอย่างไรก็เป็นเถิด มีรัฐบาลมาบริหารประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจมันเดินหน้าก่อน จากนั้นค่อยว่ากัน

เป็นข้ออ้างที่น่าเห็นใจครับ

แต่คงจะต้องมาเตือนสติกันนิดหนึ่งว่า หากไอ้ความรู้สึกแบบ ปล่อยๆมันไปเถอะ ยังเกิดขึ้นเช่นนี้อยู่ มันจะกัดกร่อนเสถียรภาพทางการเมืองอย่างรุนแรง ทั้งนี้เพราะอาการดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นเสมอๆหากเรายังไม่สามารถรักษากติกากันได้เช่นทุกวันนี้ และแน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเมื่อฝ่ายการเมืองสะดุด ไม่ขยับนโยบายทางเศรษฐกิจต่อแล้ว ฝ่ายเอกชนก็พลอยได้รับผลอย่างไม่ต้องสงสัย วิสัยขายผ้าเอาหน้ารอดไปเช่นนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเพราะคนมีอำนาจเดิมไม่เล่นตามกติกา และยอมทำทุกวิถีทางในการรักษาเอาไว้ซึ่งอำนาจ

 สื่อมวลชนมีบทบาทตรงนี้มากในการทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบ อย่าลืมว่าเวลานี้คนจำนวนมากรับรู้และรับฟังความ(มีอัน)เป็นไปทางการเมืองผ่านสื่อเท่านั้น บางคนก็ไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ อ่านหนังสือพิมพ์เอาเท่านั้น การให้การศึกษาทางการเมืองเช่นนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เลือก เอาข้อมูลประเภทใดมานำเสนอ

สื่อมวลชนมีบทบาทมาก

หากเสนอข่าวในทำนองว่า การเมืองก็ต้องเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องเข้าใจ คุณก็ไปทำข่าวชนิดอื่นดีกว่าไหม? นี่คือการผิดจรรยาบรรณชนิดหนึ่งด้วยซ้ำ หรือคุณได้รับการสนับสนุนจากใครหรือเปล่า? แน่นอนว่าสื่อย่อมจุดยืนทางการเมือง หากแต่หน้าที่ในการชี้ให้เห็นความสำคัญของระบบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ กฏหมาย หรืออาจรวมไปถึงจารีต ควรจะต้องเป็นของสื่อไม่ใช่หรือ?

หรือเวลานี้กำลังอึกอัก น้ำท่วมปากอยู่? 

No comments: