
วันนี้เป็นวันสำคัญของประเทศไทยวันหนึ่งที่ถูกกดทับ ปิดบัง ทำให้ลืม โดยกลุ่มที่ถืออำนาจเอาไว้ ท่าลองคิดดูเถิดว่า มันได้สะท้อนให้เห็นความอัปลักษณ์ของเหล่าชนชั้นนำของประเทศนี้อย่างไร
ผมเอาคอลัมน์ สยามประเทศไทย ของอาจารย์สุจิตต์จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวันในวันนี้มาเต็มๆ (โดยไม่ได้ขออนุญาต) เพราะตรงกับสิงที่ผมอยากจะเขียนเสียจริงครับ ผมขออภัยจริงๆ ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อผลประโยชน์แต่อย่างใด
ขอเชิญอ่าน และจงเกิดความสำนึกบ้างเถิด
24 มิถุนายน 2475 ประวัติศาสตร์ถูกทำให้ลืมสุจิตต์ วงษ์เทศ24 มิถุนายน 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยแห่งชาติแต่ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยมีลักษณะสำคัญอย่างน้อย 2 ประการ คือ1. สั่งให้จำ 2. ทำให้ลืมประวัติศาสตร์ถูกสั่งให้จำ ล้วนเป็นเรื่องแต่งใหม่อย่าง"นิยาย" ไม่มีหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดี แต่สถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องการเรียนการสอนประวัติศาสตร์โบราณคดี ไม่เคยแบ่งปันเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องให้สาธารณชนรู้ จึงเท่ากับสมคบกับชนชั้นมีอำนาจ ปกปิดความจริงทางประวัติศาสตร์ แล้วแต่งเรื่องเท็จให้เป็นประวัติศาสตร์เท็จๆเช่น คนไทยมีแหล่งกำเนิดอยู่เทือกเขาอัลไต, คนไทยเป็นเจ้าของอาณาจักรน่านเจ้า, คนไทยถูกจีนรุกรานหนีลงทางใต้, คนไทยตกเป็นขี้ข้ามอญและขอมที่เป็นเจ้าของดินแดนอยู่ก่อน, คนไทยปลดแอกจากมอญและขอม, คนไทยสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก, กรุงศรีอยุธยาสร้างขึ้นเมื่อกรุงสุโขทัยล่มสลายแล้ว, ฯลฯประวัติศาสตร์ถูกทำให้ลืม คือ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร(อ่านว่า คะ-นะ-ราด-สะ-ดอน) เปลี่ยนแปลงการปกครองฯ แล้วรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถือเป็น"วันชาติ"ต่อมาชนชั้นนำมีอำนาจออกประกาศบังคับให้ยกเลิกวันชาติ 24 มิถุนายน เพื่อให้ลืมประวัติศาสตร์คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครอง24 มิถุนายน 2475 เป็นประวัติศาสตร์ถูกทำให้ลืม แต่เราไม่ลืม เพื่อให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมในอนาคต ใครจะทำไม?ฉะนั้น ต้องร่วมกันบอกต่อๆไปให้จดจำ และเจ็บจำ"ไปถึงปรโลก"ประเทศไทยไม่มีมิวเซียมการเมือง ผมเคยเขียนบอกหลายครั้งในหลายปีให้ทำบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กับอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา จัดแสดงเป็นมิวเซียมการเมืองสยาม แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นการเมืองการปกครองโบราณ ก่อน 24 มิถุนายน 2475 ส่วนหลัง เป็นการเมืองหลัง 24 มิถุนายน 2475"มิวเซียมการเมืองสยาม" ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากๆ เพราะจัดแสดงอย่างโล่งๆแจ้งๆเป็น museum without wall คือใช้สถานที่จริงที่เกิดเหตุการณ์จริงเป็นที่จัดแสดง โดยทำคำอธิบายย่อๆสั้นๆ เป็นไทย/อังกฤษ สแกนบนแผ่นโลหะบางๆ หรือวัสดุง่ายๆราคาถูกติดกับอาคารสถานที่สำคัญๆนั้นๆเท่านั้น เช่นลานพระรูป, หมุด 24 มิถุนายน 2475, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, อนุสรณ์สถาน, โรงแรมรอยัล, กรมประชาสัมพันธ์(เก่า), สนามหลวง, ธรรมศาสตร์, ฯลฯสุนทรภู่ เป็นชาวบางกอก อยู่ในตระกูลพราหมณ์ผู้ดีมีสกุล เกิดในวังหลัง ปากคลองบางกอกน้อย ดูรายละเอียดใน www.sujitwongthes.com
ท่านผู้มีใจเป็นธรรมลองคิดดูเอาเองเถิดว่า มันเป็นการยุติธรรมแล้วหรือ ว่าแม้แต่ประวัติศาสตร์ของไทยเอง ประชาชนไทยยังถูกปิดตาเลย ประสาอะไรกับเรื่องอื่น?
สุขสันต์วันชาติครับ
1 comment:
ขออนุญาตเปิดอีกหนึ่งประเด็นให้วิเคราะห์ดูเอาว่า หากมนุษย์เราดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสัตย์มาตลอด เปิดเผยความจริง ดำรงประวัติศาสตร์ที่มิใช่พงศาวดาร อาณาจักรของมนุษย์จะดำรงอยู่ แลสืบทอดต่อๆกันมาได้จนถึงทุกวันนี้ และเป็นแบบนี้หรือ?
ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น สงครามที่ญี่ปุ่นชอบยกขึ้นมาพูด ขึ้นมาอ้างก็ดูจะมีแต่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ ส่วนสงครามที่ตัวเองไปรุกรานประเทศอื่นเขา---ลางเลือนไปไหน?
การอำพรางประวัติศาสตร์เหล่านี้ หากมันไม่ใช่จิตวิทยามันก็เป็นเครื่องมืออะไรสักอย่างที่คนชาติตนกระทำเพื่อการดำรงอยู่ของพลเมืองในชาติตนเพื่อความเป็นปึกแผ่นที่สุด---จริงไหม?
หรือนี่ก็คือความธรรมดาของโลกอีกอย่างหนึ่ง
Post a Comment