
นานแล้วที่ไม่ได้อ่านหนังสือแล้วรู้สึกคิดถึงบ้าน บางครั้งการอ่านเรื่องราวอะไรที่เป็นส่วนตัวค่อนข้างมากก็ทำให้ผมรู้สึกหวิวๆไปบ้าง ก่อนหน้านี้ใน ละครแห่งชีวิต (2472) และ ผิวเหลืองผิวขาว (2473) ผมยังรู้สึกถึงความหวังได้บ้าง
แต่กับ วิมานทลาย ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้าหาทางตัน...
วิมานทลาย เป็นชื่อของรวมเรื่องสั้น 4 เรื่องของม.จ.อากาศดำเกิง รพีพัฒน์ โดยเรื่องสั้นทั้งหมดประกอบไปด้วย 1) ทางโลกีย์ 2) วัยสวาท 3) เจ้าไม่มีศาล และ 4) สมาคมชั้นสูง
ผมอ่านฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง พิมพ์โดยแพร่พิทยา (พฤศจิกายน, 2515) คาดว่าท่านอากาศฯน่าจะเขียนเรื่องทั้งหมดนี้ในวาระใกล้ๆกัน โดยยังไม่พบปีที่พิมพ์ครั้งแรก (แต่อย่างไรก็คงหนีไม่พ้นปี 2473 หรือ 74 เป็นแน่)
ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก เอา "บทนำ" ของท่านอากาศฯมาลงไว้ก็จะรู้ว่าแก่นที่ร้อยเรียงเรื่องทั้งหมดเอาไว้คืออะไร (ตอนแรกตั้งใจวาจะไม่ทำให้เสียบรรยากาศ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีคำอรรถาธิบายเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ใดๆจะดีไปว่าบทนำที่ท่านอากาศฯเขียนไว้เอง ฉะนั้นขออภัย)
เหตุใดหนังสือเล่มนี้จึงมีนามว่า 'วิมานทลาย'สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือความรู้สึกแปลกแยก (out of place) ที่ตัวละครหลักแต่ละตัวประสบ การดำรงอยู่ของพวกเขานั้นเป็นเหมือนตัวประหลาดในสังคมที่ตนเองสังกัดอยู่ ความคาดหวังในสังคมและหลักศีลธรรมเป็นการตีกรอบชีวิตของคนเหล่านั้นเอาไว้ โดยไม่เหลือพื้นที่ให้เลือกทางเดินชีวิตอย่างใจหวัง สุดท้ายพวกเขาก็พบกับวิกฤตที่ยากจะหาทางออก
ในหมู่คนที่เรารัก - เราชอบ จะมีบ้างสักกี่คนที่จะดีเท่ากับที่เราหวังไว้ว่าเขาควรจะดี มีใครบ้างที่ตั้งใจจะรักษาคำพูด เมื่อได้ให้คำมั่นสัญญากับเราไว้แล้ว เขาจะดีต่อเราได้ก็ต่อเมื่อเขาต้องการจะใช้เรา และในระหว่างนั้น เขาจะยอมให้คำมั่นสัญญากับเราร้อยแปด จะช่วยให้เราเป็นโน่นเป็นนี่-จะช่วยให้พ้นทุกข์ ในเมื่อเราถึงคราวอับจน--ช่วยส่งเสริมให้เราสร้างวิมานบนอากาศไม่เว้นวัน แต่พอถึงเวลาเข้าจริง....เวลาที่เขาจะต้องรักษาคำมั่นสัญญานั้น หรือถึงเวลาที่เราเข้าที่คับขัน-ต้องการความช่วยเหลือจากเขาอย่างที่สุด-เขาลืมเรา กลับเห็นเราเป็นคนรกนัยน์ตา แม้จะหันมามองดูเราสักทีก็ทั้งยาก คำมั่นสัญญาต่างๆที่เคยพูดไว้ก็กลายเป็นอากาศธาตุไปสิ้น วิมานบนอากาศที่เราเคยสร้างไว้ด้วยความเชื่อมั่นของมนุษยธรรมก็พลันพังพินาศลงเป็นผุยผงหาชิ้นดีไม่ได้ นี่คือชีวิตของสามัญชน นิยายต่างๆในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของชีวิต ดังนั้นจึงเรียกนามร่วมกันว่า 'วิมานทลาย'
"อากาศดำเกิง" (น.1-2)
และนั่นก็คือชีวิตของท่านอากาศฯเอง
แน่ละ ปัญหาเช่นนี้ได้ถูกแสดงออกในงานวรรณกรรมทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางสังคมย่ิิอมทำให้คนกลุ่มหนึ่ง (ส่วนใหญ่จะเป็นเป็นกลุ่มใหญ่) หลุดออกไปจากพื้นที่ๆพวกเขามีอยู่ในสังคม ในบริบทของสยาม โครงสร้างทางสังคมก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ย่อมก่อให้เกิดความแปลกแยกอย่างสาหัสสากรรจ์ต่อกลุ่มชนชั้นนำที่ไม่ได้อยู่ใกล้การควบคุมทรัพยากรหลัก จึงได้สะท้อนออกมาในงานร่วมสมัยกันหลายชิ้น (อย่างที่ผมได้เคยกล่าวเอาไว้ในงานของดอกไม้สด)
พอคิดไปคิดมาผมไปนึกถึงเพลงที่ผมชอบมากที่สุดเพลงหนึ่งของวงร็อคอเมริกัน Incubus จึงปิดท้ายด้วยเนื้อร้องที่เป็นดั่งบทกวีของเพลงนี้เอาไว้ก็แล้วกัน
Drive (1999)
Sometimes, I feel the fear of uncertainty stinging clear
And I can't help but ask myself how much I let the fear
Take the wheel and steer
It's driven me before
And it seems to have a vague, haunting mass appeal
But lately I'm beginning to find that I
Should be the one behind the wheel
Whatever tomorrow brings, I'll be there
With open arms and open eyes yeah
Whatever tomorrow brings, I'll be there
I'll be there
So if I decide to waiver my chance to be one of the hive
Will I choose water over wine and hold my own and drive?
It's driven me before
And it seems to be the way that everyone else gets around
But lately I'm beginning to find that
When I drive myself my light is found
Whatever tomorrow brings, I'll be there
With open arms and open eyes yeah
Whatever tomorrow brings, I'll be there
I'll be there
Would you choose water over wine
Hold the wheel and drive
Whatever tomorrow brings, I'll be there
With open arms and open eyes yeah
Whatever tomorrow brings, I'll be there
I'll be there
แม้พรุ่งนี้เกิดอะไรที่ปลายฟ้า
ข้าฯจะอยู่ประจัญหน้าที่ขอบเหว
ด้วยอ้อมแขนด้วยดวงเนตรดั่งไฟเปลว
จะดีเลวขอเลือกตามใจพา
แม้พรุ่งนี้เกิดอะไรที่ปลายน้ำ
ข้าฯจะรุดเร่งล้ำด้วยสองขา
ขอเพียงตนได้กำหนดดวงชะตา
หากแม้นม้วยมรณามิเสียใจฯ
3 comments:
Since I became an unofficial fan of your writing, this article is the best one ever. You might not notice that you have gradually changed the way you write. It now conveys more feeling to a reader which is a good progress.
งานวรรณกรรมหรือศิลปะประเภทอื่นๆ ที่ถูกเขียนขึ้นอย่างบรรจงมักจะสร้างแรงบันดาลใจได้เสมอ
แล้วก็กลับมาตอบอะไรไม่รู้เรื่องอีกตามระเบียบ
Post a Comment